 |
| ใบไม้แดงที่เกาะนามิ (Red leaves at Nami Island) |
Anyeonghaseyo everyone! This time I'm proudly present my happy experince during the Autumn trip in Korea in 2016. This is my first trip to Korea and of course I'm and Thai people are really worried about Korean immigration clearance at the airport because many of Thai peolple were sent back to Thailand even though they didn't do anything illegal, even many Thai stars were sent back few days after I came back from the trip. I understand that there are some Thai people who went there to work illegally, but I hope that the authority could find the better way to prevent this thing happen and don't send Thai people back as they wish.
Actually I didn't plan to visit Korea because we already planned to go to Russia, but we had to cancel at the last miunte when my travel buddy had an emergency issue, so I had to change my travel direction to summer near Thailand but have beautiful autumn foliage. Eventually, I decided to visit Korea for the Autumn trip, which is also beautiful like Japan, but a lot cheaper and I just visited Japan last April, so I should go somewhere else and it is South Korea IMNIDA!!!
Because of the limited budget and time, I decided to visit the area around Seoul and Nami Island only. The island became really popular since Winter Soanta was aired, so I shouldn't miss it when come to Korea. So, what are we waiting for? KACHAA Let's go!
อันยองฮาเซโยครับทุกคน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวเกาหลีในช่วงใบไม้เปลียนสีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการไปเกาหลีครั้งแรกของผมและไปคนเดียวด้วยสิ มีความกังวลเรื่อง ตม. ด้วยสิ 😅😅เพราะเป็นที่ลือกันกระฉ่อนว่า ตม. ประเทศนี้โหดมาก โดยเฉพาะกับคนไทย ถูกส่งกลับประเทศนับร้อยนับพันคนเลยทีเดียว โดยที่ไม่สนว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือแม้กระทั่งดาราดังก็โดนมาแล้ว
จริงๆแล้วทริปเกาหลีเป็นทริปไม่ได้ตั้งใจเลย เพราะก่อนหน้านี้แพลนว่าจะไปเที่ยวรัสเซียกับเพื่อน แต่สุดท้ายเพื่อนไปไม่ได้ก็เลยต้องหาทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่ถูกๆใกล้ๆบ้าน เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่าถ้าจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยๆในโลกก็คงไม่พ้นประเทศญี่ปุ่น แต่เนื่องจากว่าเราไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้วตอนช่วงซากูระที่ผ่านมา อีกอย่างต้องการประหยัดงบด้วยเพราะไปเที่ยวคนเดียว ก็เลยเบนเข็มการเดินทางของเราไปที่ประเทศใกล้เคียงแต่ก็สวยไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ประเทศโคเรีย เกาหลีใต้ อิมนีดาาาาา 😊😊
ด้วยเวลาและงบที่จำกัดก็เลยไปเที่ยวแค่ในโซนเมืองหลวงโซลกับเกาะที่มีชื่อเสียงมากและเป็นที่รู้ดีสำหรับคอซีรี่ย์เกาหลี จะเป็นเกาะอื่นไม่ได้นอกจากเกาะนามิแห่ง Winter Love Song หรือ Winter Sonata นั่นเอง เกริ่นมาเยอะแระ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราเริ่มทริปของเราเลยดีกว่า คาจ้าาาาาาาา (ไปโลดดดด)
KOREA ITINERARY
22/10/2016 Fly from KUL – BKK - INCHEON
23/10/2016 Arrive at Incheon International Airport, check-in @ Coco Haus
Visit Bukchon Hanok Village, Korea National Museum
Visit Bukchon Hanok Village, Korea National Museum
25/10/2016 Visit
Changdeokgung, Gyeongbokgung, Gwanghwamun
26/10/2016 Visit Kyunghee Univerisity,Ehwa Womans University & Seoul Forest
27/10/2016 Visit
Deoksogung, Botanical Garden, Namsan Tower, Myeongdong
28/10/2016 Visit Central Mosque, Itaewon, Hanuel Park
29/10/2016 Fly
back home
Day1
As usual, I chose Kuala Lumpur, Malaysia as my starting point for every trip because it's not far from my house and the flight ticket here is much lower than flying out from Thailand. This time I flew with Thai Airways, flew from Kuala Lumpur, stopover at Suvannabhumi Airport for more than 9 hours and then reached Incheon International Airport on the next day. You guys might wonder why I chose this route. It's because when you choose the flight with the stopover, the price is a lot lot lot cheaper than the direct flight. I booked this ticket via Skyscanner which costs only 9000+ baht, but if I chose the direct flight from Bangkok to Korea, it costs 19000+ baht. By flying out from Malaysia, I could save 10000 baht which I then spent this amount for everything in Korea. We must be smart about choosing the best option for our budget trip.
วันแรกเราออกเดินทางจาก Kota Bharu ไปยัง Kuala Lumpur เหมือนเดิมนะครับเพราะใกล้บ้านที่สุดและสะดวกมากครับ วันนี้เราจะนั่งสายการบินไทยจาก Kuala Lumpur ไปยังสนามบิน Incheon International Airport ที่เกาหลีใต้กันนะครับ แต่ระหว่างทางเราจะแวะที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนครับ ทั้งขาไปและขากลับ แวะนานเหมือนกันแต่ก็ยอมรอเพราะได้ตั๋วถูกมา ราคาเพียง 9000 บาทนิดๆ แต่ถ้านั่งจากสุวรรณภูมิไป ราคาตั๋ว 19000 กว่าบาทเลยนะครับเพราะเป็นไฟลท์บินตรง ต่างกันตั้งหมื่นแหนะ ซึ่งเป็นราคาที่เท่ากับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เราใช้สำหรับทริปนี้ 😊😊 ทิปง่ายๆนะครับสำหรับใครที่อยากได้ราคาตั๋วถูก คือให้จองไฟลท์ที่มีแวะพักระหว่างทาง จะถูกกว่าตั๋วบินตรงแบบไม่จอดแวะเลย ส่วนใหญ่จะจองผ่าน skyscanner.com เพราะจากประสบการณ์ของตัวเอง เว็บนี้เป็นเว็บที่ขายตั๋วถูกที่สุดแล้วในบรรดาเว็บขายตั๋วเครื่องบินทั้งหมดที่มีบนโลกนี้ อิอิ
วันแรกเราออกเดินทางจาก Kota Bharu ไปยัง Kuala Lumpur เหมือนเดิมนะครับเพราะใกล้บ้านที่สุดและสะดวกมากครับ วันนี้เราจะนั่งสายการบินไทยจาก Kuala Lumpur ไปยังสนามบิน Incheon International Airport ที่เกาหลีใต้กันนะครับ แต่ระหว่างทางเราจะแวะที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนครับ ทั้งขาไปและขากลับ แวะนานเหมือนกันแต่ก็ยอมรอเพราะได้ตั๋วถูกมา ราคาเพียง 9000 บาทนิดๆ แต่ถ้านั่งจากสุวรรณภูมิไป ราคาตั๋ว 19000 กว่าบาทเลยนะครับเพราะเป็นไฟลท์บินตรง ต่างกันตั้งหมื่นแหนะ ซึ่งเป็นราคาที่เท่ากับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เราใช้สำหรับทริปนี้ 😊😊 ทิปง่ายๆนะครับสำหรับใครที่อยากได้ราคาตั๋วถูก คือให้จองไฟลท์ที่มีแวะพักระหว่างทาง จะถูกกว่าตั๋วบินตรงแบบไม่จอดแวะเลย ส่วนใหญ่จะจองผ่าน skyscanner.com เพราะจากประสบการณ์ของตัวเอง เว็บนี้เป็นเว็บที่ขายตั๋วถูกที่สุดแล้วในบรรดาเว็บขายตั๋วเครื่องบินทั้งหมดที่มีบนโลกนี้ อิอิ
 |
| On Thai Airways Flight |
Day 2
And here we are at Incheon International Airport in South Korea. As I said before, I was really worried about the immegration clearance at the airport, and wantching many Thai people, especially women, were taken to the room next to the counter. However, I was lucky enough to pass it easily and quickly, Thanks God!
And here we are at Incheon International Airport in South Korea. As I said before, I was really worried about the immegration clearance at the airport, and wantching many Thai people, especially women, were taken to the room next to the counter. However, I was lucky enough to pass it easily and quickly, Thanks God!
และแล้วเราก็มาถึงที่สนามบินอินชอนโคเรียแล้วนะครับ ตอนจะผ่าน ตม. ก็กังวลนิดหน่อยนะครับ เห็นมีผู้หญิงไทยหลายคนเลยที่โดนเรียกไปที่ห้องเย็น น่าสงสารนะครับถ้าถูกส่งกลับบ้านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่โชคดีที่เราไม่โดนกักตัวและให้เข้าเมืองได้อย่างง่ายดายมากกกกกกกกกกกกกกก
There are many ways to get to the city centre, you can choose taxi, bus or train, but the best way is by taking AREX train to Seoul Station because it's the fastest and the cheapest.
There are 2 types of AREX : 1. Express Line runs from the airport to Seoul Station without stopping at any stations, it takes about 43 minutes and costs 8000 won for adult, 6900 won for kids. 2. Commuter Line will stop at every stop and takes about 53 minutes to reach Seoul Station, but costs only 3590 won, so I took the latter because it's a lot cheaper and later than the first one only 10 minutes, I could wait for that.
วิธีเข้าเมืองโซลจากสนามบินอินชอนมีหลายวิธีด้วยกันนะครับ มีทั้งแท๊กซี่ รถบัสและรถไฟ แต่วิธีที่ดีที่สุดก็คือการนั่งรถไฟ AREX ทั้งเร็วทั้งสะดวกและถูกที่สุด
AREX เป็นรถไฟด่วนที่มี 2 สายด้วยกัน คือ Express
Line จากสนามบินอินชอน ไปยังสถานี Seoul Station โดยไม่จอดแวะป้ายไหนเลย ใช้เวลา 43 นาที ค่าโดยสารผู้ใหญ่ 8000 วอน เด็ก 6900 วอน และสาย Commuter
line จอดตามสถานี MRT หลักๆ กลางเมือง ใช้เวลา 53 นาที ค่าโดยสาร 3950 วอน ส่วนเราก็เลือกแบบที่สองเพราะต้องการประหยัดงบ ไปถึงช้ากว่าแค่สิบนาทีเอง ก็ไม่นานมากนัก
Before getting on the train, I bought T-Money card which can be purchased and top up at any convenient store and can used with any public transportation here; bus, metro, taxi or pay at the convenient store (except the train to Nami island). The cost for the card is 2500 won but we have top up the money to use it, So I pay 10000 won, but only 7500 won is usable.
ก่อนจะขึ้นรถไฟก็แนะนำให้ซื้อ
T-Money ก่อนนะครับ ซึ่งเป็นบัตรที่เราสามารถใช้บริการระบบขนส่งในเกาหลี ทั้งรถบัส รถไฟใต้ดิน รถแท๊กซี่หรือซื้อของได้สารพัด (ยกเว้นรถไฟไปนามิ ใช้ไม่ได้ครับ ต้องจ่ายแยก) ค่าบัตรเปล่า 2500 วอน หาซื้อได้ง่ายๆและเติมเงินง่ายๆตามร้านสะดวกซื้อ
When
I reached the Seoul Station, I quickly got on the metro to Chungmuro
station where I lived for 6 nights throughout this trip. I stayed at
Coco haus which is not far from the metro station and is 1 stop away
from Myeogdong. The total price for this hotel is 3000+ baht which is
very cheap for a place in such area. The room is not bigh but have
enough space for me to sleep, there is TV, a shared bathroom and
kitchen. The best thing here is the the rice is ready for you every
morning, so just take it and eat with anything you have. Apart from
rice, the owner also provided eggs, noodles, seaweed and instant drinks.
I booked this place via booking.com.
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟโซล Seoul Station ก็ให้ลงไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังโรงแรมที่พักของเรา ทริปนี้เราพักที่ Coco Haus ตลอด 6 คืนเลยครับ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน Chungmuro เลยสถานี Myeongdong แค่ป้ายเดียวเอง ราคาห้องประมาณสามพันกว่าบาท ถูกมากครับ ห้องนอนพอสำหรับนอนคนเดียว ห้องน้ำรวม มีครัวรวม แต่ที่เจ๋งสุดก็คงหนีไม่พ้นที่เจ้าของที่พักจะหุงข้าวให้เราพร้อมเลยครับ ตื่นเช้ามาก็ไปตักข้าวมากินกับอาหารที่เราเตรียมมาจากไทยได้เลย แถมมีไข่ไก่ สาหร่ายถ้าแก่น้อย มาม่าและของอื่นๆอีกมากมายไว้บริการผู้เข้าพัก จองผ่าน booking.com ง่ายๆเลยครับ
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟโซล Seoul Station ก็ให้ลงไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังโรงแรมที่พักของเรา ทริปนี้เราพักที่ Coco Haus ตลอด 6 คืนเลยครับ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน Chungmuro เลยสถานี Myeongdong แค่ป้ายเดียวเอง ราคาห้องประมาณสามพันกว่าบาท ถูกมากครับ ห้องนอนพอสำหรับนอนคนเดียว ห้องน้ำรวม มีครัวรวม แต่ที่เจ๋งสุดก็คงหนีไม่พ้นที่เจ้าของที่พักจะหุงข้าวให้เราพร้อมเลยครับ ตื่นเช้ามาก็ไปตักข้าวมากินกับอาหารที่เราเตรียมมาจากไทยได้เลย แถมมีไข่ไก่ สาหร่ายถ้าแก่น้อย มาม่าและของอื่นๆอีกมากมายไว้บริการผู้เข้าพัก จองผ่าน booking.com ง่ายๆเลยครับ
When I reached at the hotel, my iPhone's battery was quite low and the universal charger couldn't use here, so I had to buy it at 7-11 nearby. I went the first store, the staff said that they don't have it, so I went to the second store just across the road, and again she said that they don't have iPhone charger. Fortunately, there was a foreigner guy standing at the cashier and said that "that is iPhone charger" and I felt like he was sent to me by the God. 😅😅I think that the girls at the store didn't understand what I asked them. So, I quickly went back to recharge the battery, had breakfast and ready to explore Seoul for the first day.
ตอนมาถึงที่พัก แบตมือถือก็เหลือน้อยมาก พอจะชาร์ตก็ชาร์ตไม่ได้อีกเพราะที่ชาร์ตแบบ Universal มันหลวม ก็เลยตัดสินใจไปหาซื้อที่ชาร์ตไอโฟนแบบเกาหลีที่ 7-11 หน้าที่พัก ไปร้านแรกบอกว่าไม่มีหรือไม่เข้าใจที่เราพูดก็ไม่รู้ ตอนนั้นเริ่มกังวลนิดหน่อยเพราะมาเที่ยวทั้งทีแต่แบตกลับหมด แล้วจะถ่ายรูปยังไงละทีนี้ ก็เลยข้ามถนนไปอีกร้านนึง พนักงานก็บอกว่าไม่มีอีกแล้ว แต่โชคดีที่ตอนนั้นมีฝรั่งคนนึงกำลังจ่ายตังอยู่ที่เคาน์เตอร์ แล้วเค้าก็บอกว่า มีๆๆๆๆ นั่นไงที่ชาร์ตไอโฟน ตอนนั้นดีใจมากที่เจอซักที eพนักงานก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ (🌷🌸🌹🌺🌻🌼😈) ก็เลยรีบกลับไปชาร์ตแบต กินข้าวแล้วก็พร้อมที่จะไปตะลุยเกาหลีในวันแรกกัน
ตอนมาถึงที่พัก แบตมือถือก็เหลือน้อยมาก พอจะชาร์ตก็ชาร์ตไม่ได้อีกเพราะที่ชาร์ตแบบ Universal มันหลวม ก็เลยตัดสินใจไปหาซื้อที่ชาร์ตไอโฟนแบบเกาหลีที่ 7-11 หน้าที่พัก ไปร้านแรกบอกว่าไม่มีหรือไม่เข้าใจที่เราพูดก็ไม่รู้ ตอนนั้นเริ่มกังวลนิดหน่อยเพราะมาเที่ยวทั้งทีแต่แบตกลับหมด แล้วจะถ่ายรูปยังไงละทีนี้ ก็เลยข้ามถนนไปอีกร้านนึง พนักงานก็บอกว่าไม่มีอีกแล้ว แต่โชคดีที่ตอนนั้นมีฝรั่งคนนึงกำลังจ่ายตังอยู่ที่เคาน์เตอร์ แล้วเค้าก็บอกว่า มีๆๆๆๆ นั่นไงที่ชาร์ตไอโฟน ตอนนั้นดีใจมากที่เจอซักที eพนักงานก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ (🌷🌸🌹🌺🌻🌼😈) ก็เลยรีบกลับไปชาร์ตแบต กินข้าวแล้วก็พร้อมที่จะไปตะลุยเกาหลีในวันแรกกัน
On the first day, I went on foot to the Changdeokgung Palace and Changyeonggung Palace which is located next to each other, it's about 1 km. from our hotel. Suddenly, I saw the signboard at the ticket office said "The entrance fee is free of charge on the last wednesday of every month." So, I decided to come again this Wednesday to get into the palace for free. Why is it free on this particular day? Because Wednesday is the culture day in Korea, so the entrance fee for all 5 palaces are free. Then, I headed to the nearby Bukchon Hanok Village which used to watch it on TV and it is a nice place on the hill to stroll aroud on a rainy day, but don't make a noise because it's a residential area.
After spent some time here, I walked down the stairs to a chic street nearby called Samcheong-ro. There are many chic cafes and shops on this street and the President's House is within a walking distance from here.
อิ่มท้องกันแล้ว เราก็ออกไปเที่ยววังก่อนเลย วันนี้เราจะไปชมวัง Changdeokgung กับ Changyeonggung ซึ่งตั้งอยู่ติดกันเลย จากที่พักไปที่วังไม่ไกลเท่าไหร่ ประมาณกิโลนึงก็เลยเดินดีกว่า แต่พอไปถึงวังแล้ว ก็เห็นมีป้ายเขียนบอกว่าทุกๆวันพุธสุดท้ายของเดือนสามารถเข้าชมวัง5วังในโซลได้ฟรี ไอ้เราก็ชอบของฟรีอยู่แล้วก็เลยตัดสินใจจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในวันพุธเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม หรือถ้าใครใส่ชุดฮันบกก็สามารถเข้าชมวังฟรีทุกวันเลยครับ จากนั้นเราก็ไปเที่ยวชมหมู่บ้าน Bukchon Hanok ที่อยู่ใกล้ๆวังกันต่อ เคยเห็นแต่ในหนังในทีวี วันนี้ได้เห็นของจริงก็สวยดีนะ แต่อย่าส่งเสียงดังนะครับเพราะมีคนอาศัยอยู่จริงๆ อย่าไปรบกวนเค้าละ หมู่บ้านนี้จะอยู่บนเนินนะครับ ก็เลยต้องเดินขึ้นเดินลงเนินหน่อย
ใช้เวลาที่นี่สักพักเพื่อซึมซับบรรยากาศเกาหลีสมัยโบราณ
หลังจากนั้นก็เดินทะลุไปเรื่อยๆก็จะเจอถนน Samcheong-ro ที่นี่มีร้านค้า
คาเฟ่ชิคๆให้นั่งเล่นชิวๆตลอดทางเลย
 |
| Bukchon Hanok |
 |
| หญฺิงสาวในชุดฮันบกที่ Bukchon Hanok |
 |
| Bukchon Hanok |
 |
| ร้านคาเฟ่ชิคๆที่ถนน Samcheong-ro |
 |
| ร้านคาเฟ่ชิคๆที่ถนน Samcheong-ro |
Then, I moved to the National Folk Museum of Korea which is located behind Gyeongbokgung Palace and there is no entrance fee for this place. Since it started to rain again, so it's a good idea to shelter myself from the rain outside.
ซึ่งใกล้ๆถนนนี้ก็จะมี The Blue House ก็คือบ้านพักของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พอเดินไปเรื่อยๆก็จะถึง National Folk Museum of Korea ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับพระราชวัง Gyeongbokgung ที่นี่สามารถเข้าชมฟรีนะครับ จะมีบริเวณแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาหลีสมัยโบราณ และเนื่องจากว่าฝนตกลงมาเราก็เลยไปหลบฝนในพิพิทธภัณฑ์กันต่อ ในนั้นก็จะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งของต่างๆในยุคก่อนๆ ก็ถือว่าเป็นที่หลบฝนที่ยอดเยี่ยมไปเลย
 |
| National Folk Museum of Korea |
 |
| National Folk Museum of Korea |
 |
| National Folk Museum of Korea |
 |
| National Folk Museum of Korea |
หลบฝนเสร็จแล้วก็ได้เวลาออกมาเดินเล่นชิวๆรอบพระราชวัง Gyeongbokgung กับจตุรัส Gwanghwamun ถ้าสังเกตุดีๆสถานที่ทางประวัติศาสตา์ต่างๆในโซลจะอยู่บริเวณใกล้ๆกัน สามารถเดินกันถึงโดยที่ไม่ต้องนั่งรถเลย ใช้สองเท้าของเรานี่แหละครับ ยิ่งอากาศดีๆชาวงใบไม้เปลี่ยนสีนี่สุดโรแมนติกเลย แต่เรามาคนเดียว 😔😔ตอนนี้เริ่มรู้สึกหิวและล้าแล้วครับ ขอตัวกลับไปที่พักโดยรถไฟใต้ดิน 🚇ก่อนนะครับ วันแรกก็เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวไปหาอะไรกินและพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนเพราะพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวเกาะนามิกัน ตื่นเต้นจังราตรีสวัสดิ์ครับ 😴😴😴
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น