Winter Trip in Caucasus Region, Georgia ทริปหนาว ณ จอร์เจียแห่งเอเซียยุโรป (Ep. 2)

Mt. Kazbegi and Gregeti Church
Day 4 

Morning ครับทุกคน วันนี้เราจะออกเดินทางไปยังเทือกเขาคอเคซัสกันแล้วนะครับ รู้สึกตื่นเต้นจังเพราะว่ามันต้องสวยมากๆ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เราก็นั่งใต้ดินไปยังสถานี Didube ราคาตั๋วรถไฟใต้ดินรอบละ 0.50 ลารีเองนะครับ ถูกมากกกกกก วันนี้เราจะนั่งมินิบัสเพื่อไปยัง Kazbegi นะครับหรือ มีชื่อใหม่ว่า Stepantsminda ซึ่งอยู่ห่างจากรัสเซียไม่ไกลมากนะ ในจอร์เจียไม่ว่าเราอยากไปเที่ยวเมืองไหน จะต้องมาขึ้นรถที่สถานี Didube นะครับ ยกเว้นเครื่องบินกับรถไฟที่เราต้องไปนั่งที่สนามบินกับสถานีรถไฟ ที่เหลือก็ต้องเริ่มจากที่นี่หมดเลย พออกจากสถานีแล้วก็ให้ไปหารถมินิบัสที่ไป Kazbegi ราคาเพียง 10 ลารีนะครับ ถ้าคนขับบอกราคาเกินอย่าไปนะครับ บางทีเค้าขอ 15 ลารีซึ่งก็มีคนยอมจ่ายแต่เราไม่จ่ายครับ สุดท้ายคนขับก็ยอมแพ้เราเอง ฮ่าๆๆๆๆๆ 😆😆😆 สรุปเราจ่ายแค่ 10 แต่คู่รักรัสเซียที่พูดภาษาเดียวกันกับคนขับรถจ่ายไป 15 ลารี

Tbilisi Metro Map
สถานีใต้ดินที่นี่อยู่ลึกมากกกกกกก นั่งบันไดเลื่อนอย่างเดียวอย่างน้อยๆก็ใช้เวลาประมาณ 2 นาที
บรรยากาศชานชลาใต้ดินเก่าๆและอับๆหน่อย คงสู้รัสเซียไม่ได้
บรรยากาศบนรถไฟใต้ดิน
ออกจากเมืองหลวงไปสักพัก เราก็จะเริ่มเห็นหิมะเต็มสองข้างทางเลยไปจนถึงปลายทางของเรา และระดับความสวยของวิวก็จะเพิ่มเลเวลไปเรื่อยๆไปจนถึง Kazbegi บอกไว้เลยว่าถ้าจะมาดูหิมะที่นี่ ไม่ผิดหวังแน่ๆเพราะทั้งสวยทั้งถูก คุ้มสุดคุ้มจริงๆ ระหว่างทางคนขับจะแวะพักสองที่ด้วยกัน แต่ไม่ได้แวะนานมาก ที่แรกคือ Ananuri Fortress ส่วนอีกที่นึงจำชื่อไม่ได้แต่สวยมากๆครับ

Ananuri Fortress
Ananuri Fortress
Ananuri Fortress
จุดพักระหว่างทางแห่งที่ 2
จุดพักระหว่างทางแห่งที่ 2
จุดพักระหว่างทางแห่งที่ 2
และพอขับมาเรื่อยๆก็จะเจอภูเขาหิมะขาวโพลนไปหมดเลย มองไปทางไหนก็มีแต่สีขาว สวยมากๆๆๆๆไม่รู้จะบรรยายยังไงดี ต้องมาดูให้เห็นกับตา ก่อนที่รถจะไปถึง Kazbegi ก็แวะส่งคนที่ Gudauri กันก่อนซึ่งจะเป็นสกีรีสอร์ท เดี๋ยวเราก็จะมาที่นี่เหมือนกันแต่ขอไปเก็บกระเป๋าที่ guest house กันก่อน

และนี่คือ guest house ที่เราพักใน Kazbegi สะดวกสบายมากเลยครับ ราคาถูกด้วยแค่ 645 บาทต่อคืน เจ้าของบ้านก็ใจดีแต่พูดอังกฤษไม่ได้เลย ก็เลยใช้กูเกิ้ลแปลเอา ตลกดีเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆๆๆ 😅😅😅 เก็บกระเป๋าเสร็จแล้วเราก็เหมารถของเจ้าของบ้านไปเที่ยวสกีรีสอร์ทกันเลย เพราะเค้าให้ราคาถูกกว่ารถที่ตลาด เค้าคิดแค่ 70 ลารีสำหรับไปกลับ ถ้ารถอื่นคิดร้อยกว่าลารี

Guest house ที่ Kazbegi
Guest house ที่ Kazbegi
Guest house ที่ Kazbegi

Guest house ที่ Kazbegi
วิว Mt. Kazbegi หน้าที่พัก
วิวเทือกเขาหิมะหลังที่พัก
ก่อนถึงสกีรีสอร์ท เราก็จะแวะกันที่อนุสรณ์มิตรภาพระหว่างรัสเซียจอร์เจีย Russia-Georgia Friendship Monument ซึ่งสวยมากกกกกกกกกกกกก

Russia-Georgia Friendship Monument
Russia-Georgia Friendship Monument
Russia-Georgia Friendship Monument
Russia-Georgia Friendship Monument
Russia-Georgia Friendship Monument
Russia-Georgia Friendship Monument
เต็มอิ่มกับวิวที่นี่แล้วเราก็ไม่รีรอที่จะไปยัง Gudauri Ski Resort กันต่อ ค่าเช่าสกี 30 ลารี ค่านั่ง Ski lift สามสถานี 18 ลารี รวมๆแล้วก็ประมาณห้าร้อยกว่าเพื่อขึ้นไปเล่นสกีบนเทือกเขาคอเคซัสอันยิ่งใหญ่ แต่ว่าเราไม่ได้เล่นสกีหรอกครับ เพราะเราอยากเล่น Snowboard มากกว่า แต่เจ้าหน้าดูสารรูปของเราแล้ว เค้าขอให้เราเล่นสกีแทนเพราะมันง่ายกว่า แต่เราอยากลองอะไรใหม่ๆ สรุปไม่ได้เล่นอะไรเลย งั้นนั่งกระเช้าก็พอแล้วมั้ง แค่นี้มันก็เสียวไส้หมดแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ 😅😅😅😅

กระเช้าที่ Gudauri Ski Resort
ถึงแล้วสถานีแรก
ยิ่งสูงยิ่งหนาวและยิ่งสวยมากขึ้น
วิวล้านล้านบาท แต่จ่ายแค่ไม่กี่ร้อยบาทเอง คุ้มเวร่อร์ๆ
วิวล้านล้านบาท แต่จ่ายแค่ไม่กี่ร้อยบาทเอง คุ้มเวร่อร์ๆ
วิวล้านล้านบาท แต่จ่ายแค่ไม่กี่ร้อยบาทเอง คุ้มเวร่อร์ๆ
ที่พักบนเขาหิมะ
ที่พักบนเขาหิมะ

อยู่ที่นี่จนลานสกีปิดเลย อากาศบนเขาหนาวมากๆจนหูชาหมดแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลากลับไปพักผ่อนที่บ้านแสนอบอุ่นกัน คืนนี้เราแวะกินอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตลาด เค้าติดป้ายฮาลาลไว้แต่ในรายการอาหารมีเมนูหมูด้วย เอ้าาาาาาา ทำไงดีละ ไหนๆก็เข้ามาแล้วก็เลยพยายามสั่งอะไรที่กินได้ละกัน แล้วที่ร้านนี้เราได้เจอคนจีนที่เราเคยเจอบน Narikala Fortress ที่ Tbilisi ก็เลยชวนกันเหมารถไปบนเขาพรุ่งนี้ด้วยกันเลย จะได้ช่วยๆกันหารค่ารถ กินอิ่มและคุยเรื่องราคารถกับเจ้าของบ้านเสร็จแล้วก็ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะครับ บาย 😌😌😴😴🌟

Day 5

สวัสดีเช้าวันที่ห้าครับ วันนี้เราจะไปเยี่ยมโบสถ์ Gregeti ที่อยู่บนเขาคาสเบกีกัน ถนนที่จะขึ้นเขาค่อนข้างลำบากหน่อยแต่ไม่ได้ไกลมากก็เลยไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ยกเว้นเพื่อนคนจีนที่กร๊ดกร๊าดขี้กลัวเหลือเกิน ฮ่าาาา ก่อนอื่นเราก็ต้องไปรับเพื่อนคนจีนที่พักที่ Rooms Hotels Kazbegi ซึ่งเป็นโรงแรมที่แพงมากเพราะวิวที่นี่สุดยอดเว่อร์ๆ แต่ถึงเราไม่ได้ที่พักที่นั่นเราก็ได้เก็บภาพสวยๆมาเหมือนกันระหว่างที่รอเพื่อนคนจีนเข้าห้องน้ำ 😍😍😍😍
วิวสวยๆหน้าโรงแรม Rooms Hotels Kazbegi
วิวสวยๆหน้าโรงแรม Rooms Hotels Kazbegi
วิวสวยๆหน้าโรงแรม Rooms Hotels Kazbegi
วิวเมืองกลางหุบเขาจากเขา Kazbegi
ยอดเขา Kazbegi ระยะใกล้
สักแชะใกล้ยอดเขา
รูปหมู เอ้ย หมู่กับ พญ. จีน
โบสถ์ Gregeti บนเขา Kazbegi
ชื่มชมความงามของโบสถ์ เขาคาสเบกีและวิวทิวทัศน์รอบๆเสร็จแล้ว เราก็กลับไปยังที่พักเพื่อเช็คเอ้าท์และกลับไปยังเมืองหลวง Tbilisi ซึ่งเราจะโดยสารมินิบัสที่ตลาดกัน ราคาเหมือนเดิมเลยที่ 10 ลารี มีรถออกทุกชั่วโมงจนถึงหกโมงเย็นหรือเมื่อผู้โดยสารเต็มคันรถ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเราก็ได้มาถึงสถานี Didube จากนั้นก็นั่งใต้ดินเพื่อไปยังที่พักใหม่ของเราที่ Marjanishvili Metro Station คืนนี้เราจะพักที่ Golden Point Apartment ตอนแรกก็งงๆอยู่สักพักว่าที่พักอยู่ตรงไหน สุดท้ายก็หาจนเจอ ที่พักเราเป็นอพาร์ตเม้นท์ตรงหัวมุมถนนเลยครับแต่สงบมาก เป็นอาคารชั้นเดียวพร้อมกับห้องครัวและห้องใต้ดินที่หนาวเย็นมาก ราคาคืนละ 645 บาท ขอบอกว่าถูกมากกกกกเพราะห้องมีพร้อมทุกอย่าง ดูรูปเอาเองละกันนะครับว่าถูกขนาดไหน

Golden Point Apartment
Golden Point Apartment
Golden Point Apartment
Golden Point Apartment
Golden Point Apartment
Golden Point Apartment
ห้องใต้ดิน
ห้องใต้ดิน
ห้องครัวมีตู้เย็น เครื่องซักผ้า เตา
เป็นไงบ้างครับ ห้องใหญ่ใช่มั้ยละ นอกจากนี้ที่พักเราก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีใต้ดินและถนน Davit Aghmashenebeli Avenue ซึ่งเป็นถนนสายที่สวยมากกกกกกกกก เพราะมีตึกอาคารแบบ Neo-classical ที่เรามักจะเห็นที่ยุโรปบ่อยๆ ซึ่งเป็นตึกสมัยศตวรรษที่ 19-20 เดินเพลินๆไม่มีเบื่อเลย และข้อดีอีกอย่างนึงของถนนสายนี้คือเต็มไปด้วยร้านอาหารฮาลาล ซึ่งแน่นอนเราเองก็ไม่พลาดที่จะมาฝากท้องที่นี่กันบ่อยๆ มีทั้งอาหารอาหรับต่างๆ ตุรกี อินเดีย ปากี เป็นต้น ราคาก็ไม่ได้แพงมากนะ รับได้อยู่ อ่ะไปดูกันเลยว่าสวยขนาดไหน
ถนน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนน Davit Aghmashenebeli Avenue
Yemeni Restaurant บนถนน Davit Aghmashenebeli Avenue
Arab Salad
Chicken Mandi 22 Lari
ถนน Davit Aghmashenebeli Avenue ยามราตรี
ถนน Davit Aghmashenebeli Avenue ยามราตรี
Street Performance บนถนน Davit Aghmashenebeli Avenue ยามราตรี
กินอิ่มแล้ว เดินดูอาคารสวยจนสบายใจแล้วก็ได้เวลากลับไปพักกันต่อ เดี๋ยวเราจะมาเดินแถวนี้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ สำหรับวันนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ 🙏😴😴

Day 6

Morning guys!!! วันนี้วันที่ 6 แล้วนะครับ วันนี้เราจะเก็บบรรยากาศที่เมืองหลวงอีกวันนะครับก่อนที่เราจะย้ายอีกเมืองนึงในคืนวันนี้ นั่นก็คือ เมืองท่าบาทูมี Batumi ก่อนอื่นก็ไปหาอาหารเช้าง่ายๆก่อนนะครับ โดยวันนี้เรากิน Shawarma small size ราคา 4 ลารี ที่หน้าสถานีรถไฟใต้ดิน ขนาดเล็กก็จริงแต่อิ่มมาก ขนาดอาหารของคนที่นี่คนละเรื่องกับบ้านเราเลยนะครับ ถ้าได้มาที่นี่ก็สั่งแบบเล็กๆไว้ก่อน ไม่งั้นอ้วกแน่

Halal Chicken Shawarma ใกล้ๆ Marjanishvili Metro
Halal Chicken Shawarma ใกล้ๆ Marjanishvili Metro
Halal Chicken Shawarma ใกล้ๆ Marjanishvili Metro
กินอิ่มแล้วก็ขอเดินย่อยไปที่ถนนคนเดินของถนนสายนี้กันต่อเลยนะครับ ให้เดินไปอีกทางทางซ้ายมือของสถานีรถไฟใต้ดิน เดินไปให้สุดเดี๋ยวก็เจอเองละครับ
ถนนคนเดิน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนนคนเดิน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนนคนเดิน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนนคนเดิน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนนคนเดิน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนนคนเดิน Davit Aghmashenebeli Avenue
ถนนคนเดิน Davit Aghmashenebeli Avenue
เดินย่อยอาหารเสร็จแล้ว พวกเราก็กลับไปยังที่พักเตรียมเช็คเอ้าท์แล้วนำกระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ที่รับฝากกระเป๋าเดินทางที่สถานีรถไฟ Tbilisi Central โดยนั่งใต้ดินไปลงที่สถานี Station Square 1 แล้วเดินออกทางประตูออกทางซ้ายมือ พอถึงสถานีรถไฟแล้วให้เข้าไปด้านในแล้วขึ้นบันไดเลือนเพื่อไปยัง ชานชลาที่ 1 (Platform no.1) ซึ่งทางเข้าจะอยู่ใกล้ๆกับเคาน์เตอร์โรงแรม Tbilisi Central ให้ถามเจ้าหน้าที่ที่นั่นก็ได้ พอไปถึงชานชลาแล้วให้เดินไปทางซ้ายมือ ที่รับฝากกระเป๋าจะอยู่สุดชานชลาเลยครับ จะเป็นตู้คอนเทนเนอร์เก่าๆ เปิดบริการตั้งแต่ 6.30 ถึง 23.00 คิดราคาใบละ 5 ลารี ไม่ว่าใบเล็กใบใหญ่คิดราคาเดียวกัน เสร็จแล้วเราก็ไปเดินในเมืองกันอีกรอบแบบสบายตัว จริงๆจะนั่งใต้ดินไปก็ได้นะ แต่เราขอเดินไปเพราะรู้สึกว่ามันไม่ได้ไกลมากเลยขอเดินดีกว่า จะได้ลัดเลาะตรอกซอยบ้านเค้าด้วย

เราเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆจนไปถึงถนน Aghmashenebeli อีกรอบ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราก็เลยหาอะไรกินสำหรับบ่ายนี้กันที่นี่อีกรอบ โดยเราเลือกกินที่ร้านอาหารตุรกี  Ankara Restaurant อิ่มแล้วเราก็เดินไปเรื่อยๆผ่านถนน Rustaveli ที่เราเคยมาพักวันแรกๆที่มาถึงจอร์เจีย มันสวยเหลือเกินเหมือนหลุดไปยังปารีสเลย ไม่ได้เว่อร์เลยนะ แล้วเดินไปเรื่อยๆจนถึงย่านเก่าๆของเมืองซึ่งเราก็จะได้สัมผัสอีกบรรยากาศนึงของเมืองในสมัยสหภาพโซเวียต ก็เท่ไปอีกแบบ
Ankara Restaurant
Ankara Restaurant
Soviet era building in Old Town
Soviet era building in Old Town
จากนั้นเราก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงย่าน Abanotubani ที่เป็นโรงอาบสาธารณะ นั่งพักดูชาวบ้านที่สวนสักพัก เราก็ไปละหมาดที่มัสยิดที่นั่น เสร็จแล้วก็กลับไปยังสถานีรถไฟเพื่อนั่งรถไฟไปยัง Batumi รถไฟออกตอนเที่ยงคืนครึ่ง วันนี้ดึกแล้วและเหนื่อยมาทั้งวันละ เดี๋ยวเจอกันใหม่พรุ่งนี้นะครับ GOOD NIGHT!!!
ตากลมหนาวที่สวนบริเวณย่านเก่า
ตากลมหนาวที่สวนบริเวณย่านเก่า
ไปมัสยิดกัน
มัสยิด
ชีอะห์กำลังละหมาด
ป้อม Narikala Fortress ยามราตรี
นั่งรถไฟ Georgian Railway ชั้น Business Class ไป Batumi กัน
Day 7
Batumi attractions map
และตอนนี้หกโมงครึ่งเช้าแล้วครับ เราได้มาถึงที่ Batumi Central เรียบร้อยแล้ว จากสถานีรถไฟเราก็นั่งแท๊กซี่ไปที่พักกัน คนขับคิด 20 ลารีแต่เราไม่เอา เราอยากได้ประมาณ 10-15 ลารี เพื่อนก็ตอแหลไปว่าเคยมาที่นี่แล้ว ตอนนั้นคิดแค่ 15 ลารีเอง คนขับก็เลยยอม ฮ่าๆๆๆๆๆ 😆😆😆 ถึงแม้ว่าเราไปถึงตอนเช้ามากกกก (ฟ้าสว่าง 8 โมงกว่า) แต่ พนง. โรงแรมก็ยอมให้เราเข้าพักเลย ใจดีจริงๆเลย ที่นี่เราเข้าพักที่ Hotel Old Town Batumi ทำเลที่ตั้งดีมาก ราคาถูก พร้อมอาหารเช้าเบสิคๆแต่บบรยากาศห้องอาหารบนดาดฟ้าสุดยอดมาก สรุปว่าเยี่ยมๆ

Hotel's Lobby
หลังจากงีบไปแป๊บนึง เราก็พร้อมแล้วที่จะไปตะลุยเมืองท่าบาทูมีกัน Batumi เป็นเมืองท่าเรือที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลดำและอยู่ไม่ห่างจากชายแดนตุรกีมากนัก สามารถนั่งแท๊กซี่ไปได้ แถมที่นี่ถูกขนานนามว่าเป็น Las Vegas แห่งคอเคซัสเพราะที่นี่เต็มไปด้วยคาสิโน นอกจากคาสิโนแล้วก็เต็มไปด้วยร้านนวดแผนไทย มีทุกซอกซอยจริงๆก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมที่คนที่นี่ถึงบอกว่าที่นี่มีสาวไทยเยอะมากก เยอะจริงๆครับ อิอิอิ 😅😅😅

ตอนเดินริมทะเลดำ มันมีความรู้สึกเหมือนกับเคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ที่ไหนมาก่อน คิดไปคิดมาก็เลยนึกถึงเมืองท่า Yokohama ที่ญี่ปุ่น บรรยากาศแบบนี้เป๊ะเลย ชอบบรรยากาศแบบนี้มาก เป็นเมืองที่เดินได้เรื่อยๆไม่รีบ นี่แหละสถานที่ๆเหมาะกับชีวิตสโลว์ไลฟ์จริงๆ เดินไปสักพักก็ตกใจกับสิ่งมีชีวิตในทะเลดำ เพราะว่าเราเห็นปลาโลมาผลุบๆโผล่ๆอยู่ในทะเลหลายตัวมาก ตื่นเต้นสุดๆ แต่ถ่ายไม่ได้เพราะเลนส์ซูมมากไม่ได้ ซูมไปก็เห็นแค่ครีบปลานิดๆ เสียดายมากที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาอวดเพื่อนๆเลย

วิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ของคนที่นี่คล้ายๆชาวตุรกีเลยที่ชอบตกปลา
ทะเลดำเช้าๆ
ประติมากรรมอาร์ตๆเต็มถนน Boulevard เลย
บรรยากาศเมืองน่าอยู่มาก
ถนนทางเดินริมทะเลดำที่ยาวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แหล่งท่องเที่ยวต่างๆริมหาดทะเลดำ
ตึกตัวอักษรภาษาจอร์เจียนยามราตรี
หอนาฬิกาดาราศาสตร์ที่ Europe Square
วันนี้เดินมาทั้งวันละ ครบทั้งริมทะเล สวนสาธารณะ ใจกลางเมือง บอกตรงๆเลยว่าสวยจริงๆ เป็นเมืองที่น่าอยู่อีกเมืองนึง ผู้คนไม่พลุกพล่านและเดินเอ้อระเหอได้ทั้งวัน เหมาะมากสำหรับคนที่อยากมาพักผ่อนจริงๆ ตอนนี้ดึกแล้วก็ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาสโลว์ไลฟ์กันต่อ

Day 8

สวัสดีเช้าวันที่ 8 กันนะครับ วันนี้เราจะสโลว์ไลฟ์ที่เมืองบาทูมีอีกวัน ก่อนอื่นก็ขอไปกินอาหารเช้ากันบนดาดฟ้าก่อนนะครับ บรรยากาศสุดยอดมากกกกกกก แค่เห็นวิวรอบๆก็อิ่มแล้ว


Rooftop Breakfast
Rooftop Breakfast
Rooftop Breakfast
Rooftop Breakfast
Rooftop Breakfast
กินเสร็จแล้วก็ขอเก็บกระเป๋าและพักผ่อนแป๊บนึง ตอนเที่ยงๆเราก็เช็คเอ้าท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงเเรมก่อนที่จะออกไปตะลุยบาทูมีอีกครั้ง เราก็เดินไปที่ Boulevard ริมทะเลดำอีกรอบพร้อมกับกินชวารมาไก่ที่ริมหาด

สวนสวยๆริมทะเลดำ
Wyndham Hotel Batumi
ที่พักผ่อนสบายๆริมหาด
ที่พักผ่อนสบายๆริมหาด
ตึกสวยๆที่ Europe Square
พอสักบ่ายสามกว่าๆเราก็ไปรับกระเป๋าแล้วนั่งแท๊กซี่ไปที่สถานีรถไฟเพื่อกลับไปยัง Tbilisi ซึ่งครั้งนี้คนขับคิดแค่ 10 ลารี ก็เหมือนกับที่เค้ารีวิวมาว่าราคาแท๊กซี่ควรอยู่ระหว่าง 10-15 ลารี แต่คิดว่า 10 ลารีน่าจะเพียงพอแล้วเพราะว่ามันไม่ได้ไกลมาก เรานั่งรถไฟ Stadler ตอน 17.55 ถึง Tbilisi ประมาณห้าทุ่มกว่า และคืนนี้เราก็เข้าพักที่โรงแรม Tbilisi Central ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 5-6 ของสถานีรถไฟเลย พอลงจากรถไฟก็ให้เข้าไปในตึกแล้วเลี้ยวซ้ายทางเคาน์เตอร์โรงแรมแล้วขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5

สถานีรถไฟ Batumi
รถไฟ Stadler เสียดายที่วิ่งเร็วสุดแค่ 109km/h 
สภาพห้องพักไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ พอเข้าไปแล้วรู้สึกว่ามันเก่าๆยังไงไม่รู้ น้ำก็ไม่ไหลอีก คือมันดึกแล้วด้วยบวกกับเหนื่อยล้าก็เลยทำให้รู้สึกว่าโรงแรมนี้มันไม่โอเคไม่เหมือนกับที่อ่านรีวิวมา กว่าน้ำจะมาก็สักพักเลย ก็เลยให้โรงแรมรั้งอันดับท้ายสุดเลยสำหรับที่พักในทริปจอร์เจียของเราครั้งนี้ งั้นขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ไม่ไหวแล้ว😴😴

Day 9

สวสัดีตอนเช้าวันสุดท้ายแล้วนะครับสำหรับทริปฤดูหนาวที่จอร์เจีย วันนี้เราจะออกไปนอกเมืองกันแป๊บนึงที่เมือง Mtskheta กับ Jvris Monastery วันนี้เราไม่อยากฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟเพราะอยากประหยัดก็เลยขอฝากไว้ที่โรงแรม ซึ่งเค้าก็โอเค ฝากไว้ได้เลย อันนี้แหละเป็นข้อดีข้อเดียวของโรงแรมนี้ เพราะว่าเราฝากกระเป๋าจนถึงค่ำเลย อิอิ 😅😅 ฝากกระเป๋าเสร็จแล้วก็นั่งใต้ดินไปที่ Didube เหมือนเดิมเพื่อนั่งมินิบัสหรือ Matshruka ไปยัง Mtskheta ซึ่งคิดราคา 1 ลารี แต่ว่าเราอยากไปเที่ยวที่ Jvris Monastery ด้วย แต่เนื่องจากว่าพอไปถึง Mtskheta แล้วก็ต้องเหมาแท๊กซี่อีก เราก็เลยพยายามหาแท๊กซี่จากที่นี่ไปเลย จะได้สะดวกๆทีเดียวจบ ก็มีลุงแท๊กซี่เข้ามาหาเราพร้อมกับเสนอราคาที่ 40 ลารีต่อมาลดให้ 35 ลารี แต่เราอยากได้ 30 ลารี แต่เค้าไม่ยอม เราก็เลยเดินหนีไป รำคาญ 😆😆😆 สุดท้ายเค้าก็โอเคกับราคานี้ เราก็เลยยอมไปกับเค้าโดยที่ไม่ต้องนั่งมินิบัสซึ่งต้องรอให้คนเต็มก่อน ตอนที่เราเดินผ่าน บ. ทัวร์ในเมือง เห็นป้ายราคาเขียนว่าคนละ 29 ลารีสำหรับทัวร์ Mtskheta กับ Jvris Monastery แต่เราได้ไปในราคา 29 ลารีสำหรับ 2 คนหรือรถคันนึงก็ถือว่าคุ้มมากจริงๆ แต่ระหว่างนั้นคุณลุงก็พยายามขายทัวร์ต่อ จะพาเราไป Gori กับเมืองถ้ำ แต่เราไม่ไป จะไปแค่สองที่นี้แหละ อิอิ พอมาถึงที่นี่ก็สวยดีนะ โบสถ์เก่าแก่พันกว่าปีตั้งแต่อาณาจักรแรกๆของจอร์เจีย แถมมีแม่น้ำสองสายสองสีมาบรรจบกันเหมือนกับแม่น้ำที่เราเคยไปเห็นที่ Ladakh อินเดียมาก่อน ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าสร้างมาให้เราได้เห็น

วิวเมือง Mtskheta จาก Jvris Monastery
Jvris Monastery
Jvris Monastery
วิวเมือง Mtskheta จาก Jvris Monastery
โบสถ์ที่เมือง Mtskheta
โบสถ์ที่เมือง Mtskheta
หมู่บ้านที่เมือง Mtskheta
ตลาดที่เมือง Mtskheta
อิ่มเอมกับประวัติศาสตร์ที่นี่แล้ว เราก็ขอตัวกลับไปยังเมืองหลวงกันต่อ พอถึง Didube เราก็นั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานี Marjanishvili เพื่อนไปกินไก่ทอดกันที่ร้านอาหารอียิปต์ Albaik เสร็จแล้วก็นั่งใต้ดินไปลงที่ Liberty Square เพื่อไปเข้าห้องน้ำที่ห้าง Galleria ซึ่งเคยมาถ่ายท้องบ่อยๆตอนท้องเสียก่อนหน้านี้ อิอิ 😅😆😅😆 จริงๆแล้วจากร้านไก่ทอดเดินมาที่นี่ก็ได้นะ แค่สองป้ายเอง แต่พอดีว่าเงินในบัตรโดยสารมันยังเหลือก้เลยใช้ไปซะ ไม่ได้แพงด้วย

ใน Tbilisi มีห้างใหญ่ๆอยู่ 3 แห่งด้วยกัน คือ 1. ห้าง Galleria Tbilisi อยู่ติดกับสถานีใต้ดิน Liberty Square Metro ซึ่งเราแวะมาเดินซื้อของกับเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ชั้นใต้ดินมี Goodwill Supermarket 2. Tbilisi Mall อยู่ระหว่างทางไปเมือง Mtskheta และ 3. East Point เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ระหว่างสนามบินกับเมืองหลวง สามารถโดยสารบัสสาย 37 ไปที่นั่น

ห้าง Galleria Tbilisi Mall
ถ่ายกับ Tamada ซึ่งไม่ธรรมดาเลย
อาคารเก่าๆสวยๆในย่านเมืองเก่า
ของหวานขึ้นชื่อของจอร์เจีย
เสร็จแล้วพวกเราก็เดินไปที่ Old Tbilisi อีกครั้งเพื่อสโลว์ไลฟ์และละหมาดแถวนั้น แถมไปเดินหาของฝากให้เพื่อนๆและที่บ้านกันด้วย ก็หมดไปเยอะเหมือนกันเพราะราคาไม่ได้แพงมาก บรรยากาศวันนั้นก็ชิวๆดีก็เลยแวะไปกิน Dunkin Donuts กัน พอค่ำๆหน่อยๆก็แวะไปกินร้านอาหาร TomYam ส่งท้ายก่อนกลับบ้าน วันนี้กินอิ่มมากกกกกกจนกินไม่หมด ตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าละ ขอไปรับกระเป๋าที่โรงแรมก่อนแล้วนั่งรถเมล์สาย 37 ด้านหน้าสถานีรถไฟเพื่อไปยังสนามบิน เป็นรถบัสสีน้ำเงินใหญ่ๆ จะจอดรออยู่ที่ป้ายทางซ้ายสุดเลยนะครับ ซึ่งคิดราคาเพียง 0.50 ลารี ถูกเว่อร์ๆๆๆ ถ้านั่งแท๊กซี่น่าจะไม่ต่ำกว่า 50 ลารี แต่ข้อเสียคือกระเป๋าเดินทางเราใหญ่มากจนกินพื้นที่เยอะ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้โดนด่า ฮ่าๆๆๆๆ ถ้ามาถึงจอร์เจียตอนค่ำๆก็แนะนำให้นั่งบัสนะครับเพราะว่านอกจากจะถูกแล้วยังได้เห็นสถานที่ต่างๆในเมืองหลวงอีก ซึ๋งเป็นการศึกษาเส้นทางและสถานที่เที่ยวในเมืองหลวงก่อนออกตะลุยจริงๆ ซึ่งจะผ่านสถานีใต้ดินต่างๆใน Tbilisi นั่งไปสักพักนึงก็ถึงสนามบินละ ก็ถือว่าทริปนี้ของเราในจอร์เจียก็ได้สิ้นสุดอย่างเป็นการแล้วนะครับ ขอบคุณนะครับที่สละเวลามาอ่านไดอารี่เที่ยวของเราจนจบ วันนี้ก็ขอตัวไปเช็คอินและบินกลับบ้านก่อนนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ 🚇🚌✈🏡
Dunkin Donuts ที่ Liberty Square
บรรยากาศดีๆ หาของหวานใส่ชีวิตดีกว่า
ร้าน TOM YUM รสชาติพอได้แต่ราคาโดนใจมาก
รอขึ้นเครื่องกลับบ้านเรา
เมนูอร่อยๆบน Qatar Airways

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆสำหรับทริปนี้ต่อคนอยู่ที่ประมาณ 16xxx บาท (ค่าตั๋วเครื่องบินครึ่งราคาประมาณ 8653 บาทและค่าใช้จ่ายในจอร์เจียอีกคนละ 8xxx บาท)


THE END


ความคิดเห็น